ลด50%จากปก+ค่าจัดส่งลงทะเบียน หมดแล้วหมดเลย

เรื่องของจัน ดารา

โดย อุษณา เพลิงธรรม

เล่มนี้เป็นหนังสือปกแข็งหายาก

ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 (2534)
สำนักพิมพ์ ทับหนังสือ
ราคาปก 180 บาท ลดเหลือ 90บาท
น้ำหนัก 600 กรัม ค่าจัดส่งลงทะเบียน +50 บาท


เรื่องของจัน ดารา เป็นนวนิยายเชิงสังวาส บทประพันธ์ของอุษณา เพลิงธรรม (ประมูล อุณหธูป) ตีพิมพ์เป็นตอนๆ ลงในนิตยสารสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2509  ตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2509 โดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น
 มีเนื้อหาแนวนาฏกรรมเชิงกามวิสัย เป็นบันทึกชีวิตของจัน ดารา 
ซึ่งจันเขียนขึ้นเองตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศก่อนวัยอันควรของเขา ผ่านมุมมองของเขาที่เห็นว่าคนรอบข้างล้วนมีพฤติกรรมและจิตใจจ่อมจมอยู่ในกาม ทั้งที่ตัวเขาเองก็เป็นเช่นกัน เนื้อเรื่องยังแสดงถึงอคติหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นความรักฉันญาติมิตร ความรักใคร่ฉันชู้สาว ความเกลียดและกลัว 
ซึ่งอุษณา เพลิงธรรม เขียนไว้ในคำนำว่า "ขอบอกกล่าวไว้เสียด้วยว่า เป็นเรื่องอ่านเล่นซึ่งไม่ใช่ของสำหรับเด็ก และเป็นของแสลงอย่างยิ่งสำหรับบุคคลประเภทมือถือสากปากถือศีล"

เรื่องย่อ


"จัน" ถือกำเนิดขึ้นมาจากมารดาชื่อว่า "ดารา" สาวสวยเศรษฐีนีจากกรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางไปธุระยังบ้านเดิมคือจังหวัดพิจิตร และถูกกลุ่มโจรฉุดพร่าไปผลัดกันขืนใจ ภายหลังได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่ปรากฏว่าเธอตั้งครรภ์ในกาลต่อมา

ดังนั้น ทางญาติผู้ใหญ่จึงจัดหา "คุณหลวงวิสนันท์เดชา” ชายผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมมาเป็นคู่ชีวิตของเธอ โดยใช้สินจ้างเป็นบ้านและที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดของดารา มีข้อตกลงแต่งงานกันแต่เพียงในนามจนกว่าดาราจะคลอดลูก ทว่า ดารากลับเสียชีวิตไปในการคลอดบุตร เป็นเหตุให้คุณหลวงฯ อาฆาตเด็กที่เกิดมา และตั้งชื่อให้ว่า "จัญไร" ซึ่งต่อมาแจ้งเกิดเป็น ด.ช.จัน วิสนันท์

หลังจากดาราเสียชีวิต คุณหลวงฯ ลาออกจากราชการไว้ทุกข์ให้ภรรยาถึงห้าปี ซึ่งอาจเป็นเพียงเลห์กลลวงเพื่อจะได้สุขสบายอยู่ท่ามกลางกองเงินกองทองอันเป็นมรดกของดารา และมั่วสุมทางเพศกับบรรดาเด็กสาวซึ่งรับอุปถัมม์ไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ คุณหลวงฯ ใช้จิตวิทยาบีบคั้นคนเก่า ๆในบ้านของดาราให้จากไปทีละคน แม้กระทั่งคุณอาที่เป็นญาติผู้ใหญ่ซึ่งติดต่อว่าจ้างเขามาแต่งงานกับดาราก็ตาม

จันเติบโตขึ้นมาภายใต้ความเกลียดชังของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา มี “น้าวาด”ญาติสนิทผู้น้องของมารดาอาสามาช่วยเลี้ยงดู โดยที่เธอเสียสละยอมตกเป็นภรรยาอีกคนของคุณหลวงเพื่อสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ ภายหลังได้มีบุตรีกับคุณหลวงคือ“คุณแก้ว” หรือ “ด.ญ วิไลเลข วิสนันท์”

หลังจากการคลอดบุตร น้าวาดได้ย้ายจากเรือนหลังเล็กซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกับจันไปอยู่ที่เรือนใหญ่กับคุณหลวงฯ โดยจัดหาพี่เลี้ยงมาดูแลจันในวัยสี่ขวบแทน ภายหลังจากยายม้วนเสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อจันอายุได้12 ปี จันต้องอาศัยอยู่ในเรือนหลังเล็กเพียงลำพัง จนกระทั่งคุณหลวงฯ อนุญาตให้ นายเคนกระทิงทอง บุตรชายของแม่พุ่มคนครัวมาอาศัยอยู่ด้วย เมื่อจันอายุได้ 15 ปี

เคนเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเพศอย่างมาก ประกอบกับบรรยากาศมั่วสุมโลกีย์กามภายในบ้านซึ่งคุณหลวงฯ สร้างขึ้น ทำให้เคนชักชวนจันเข้าร่วมกระบวนการมั่วสุมทางเพศกับบรรดาผู้หญิงภายในบ้าน แม้จันจะเชื่อว่าตนมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณหลวงฯ แต่เขาก็จะระมัดระวังไม่ยอมมีสัมพันธ์สวาทกับเด็กสาวที่มีโอกาสเป็นบุตรของคุณหลวงฯกับคนรับใช้ในบ้าน

ในช่วงวัยสิบห้าปีของจัน คุณหลวงฯ ได้รับ “คุณบุญเลื่อง” ภรรยาเก่าและลูกชายคือ “คุณขจร”เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยรื้อเรือนเขียวซึ่งเป็นเรือนตั้งบำเพ็ญศพของดาราทิ้ง สร้างเรือนหลังใหม่ให้แก่คุณบุญเลื่อง

ครานั้น คุณบุญเลื่องน่าจะมีอายุประมาณ 37 ปี เนื่องแก่กว่าน้าวาดของจันสองถึงสามปี เธอมีเชื้อสายย่าหยาเป็นคนสวยมีเสน่ห์ และมีรสนิยมที่ทันสมัย โดยเฉพาะการแต่งตัวซึ่งค่อนข้างโป๊ และมีความเก็บกดด้านอารมณ์เพศ คงด้วยจากคุณหลวงฯ ให้เธอได้ไม่มากพอ เธอจึงพยายามยั่วยวนเด็กหนุ่มจัน ด้วยการถอดเสื้อให้เห็น หรือให้เขาเอาน้ำแข็งถูหลังให้ จนทั้งสองมีสัมพันธ์สวาทกัน

จันพอใจกับการได้มีสัมพันธ์สวาทกับคุณบุญเลื่อง ซึ่งลึกลงไปในจิตใจแล้วคือความรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่กับมารดา แต่หัวใจเขากลับมีความรักครั้งแรกกับ“ไฮซินซ์” เด็กสาวซึ่งพบกันในชั้นเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ ความรู้สึกที่จันมีต่อไฮซินซ์เป็นความรักที่บริสุทธิ์และถูกแยกออกจากอารมณ์กำหนัดทางเพศของเขา

ชีวิตของ นายจัน วิสนันท์ เปลี่ยนไปเมื่อถูกคุณแก้วใส่ร้ายว่าบังคับลวนลาม อารมณ์โกรธทำให้คุณหลวงโพล่งออกมาว่าจันเป็นลูกโจร ไล่เขาออกจากบ้าน และไม่ยอมให้ใช้นามสกุลวิสนันท์อีก เหตุการณ์นี้จันจึงคาดคั้นความจริงจากน้าวาด จนทราบถึงชาติกำเนิดของตน และรู้ว่าชายที่ฉุดมารดาของตนไปนั้นชื่อ “จอม”เป็นคนรักเก่าของน้าวาด ด้วยเหตุความรู้สึกผิดที่คนรักไปฉุดพร่าพี่สาว ทำให้น้าวาดยอมสละตัวเองเลี้ยงดูจัน

จันเดินทางไปพิจิตรอาศัยอยู่ร่วมกับ “คุณตา” ญาติผู้ใหญ่ผู้ซึ่งจัดการให้มารดาแต่งงานกับคุณหลวงผู้นี้ ในฐานะเด็กที่น้าวาดฝากมาอาศัยอยู่ เพื่อปกปิดชาติกำเนิดจากการที่ดาราถูกข่มขืน และตั้งนามสกุลเป็นของตนเองคือ “ดารา”

จันพยายามสืบหาเรื่องพ่อผู้ให้กำเนิดตนและได้ความจริงบางส่วนซึ่งทางราชการปกปิดไว้จากคุณตาว่า แท้จริงแล้วจอมผู้ซึ่งได้ชื่อว่าฉุดพร่าแม่ของเขาไปนั้น ถูกพรรคพวกของตนฆ่าตาย หลังจากนั้นโจรอีกสองคนที่เหลือก็ผลัดกันข่มขืนหญิงสาวจนกระทั่งถูกล้อมจับและถูกวิสามัญไปในที่สุด เพราะฉะนั้นสุดท้ายจันก็ไม่สามารถทราบได้เลยว่าใครเป็นพ่อของตนเอง

จันอาศัยอยู่พิจิตรทำไร่ทำนาอยู่ถึงสามปี จนกระทั่งน้าวาดไปติดตามตัวเขากลับมาเพื่อแต่งงานกับลูกสาวของตน ด้วยว่า “วิไลเลข วิสนันท์” หรือคุณแก้วในวัยสิบห้าปีกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งจันได้ใช้โอกาสนี้เอาคืนคุณหลวงฯด้วยการเรียกร้องให้โอนบ้านของมารดาคืนให้เขา และเรียกเก็บค่าเช่ารายหัวของทุกคนในบ้านจากคุณหลวงฯ

ชีวิตสมรสแต่เพียงในนามของจันกับคุณแก้วดำเนินไป พร้อมกับความสัมพันธ์ทางกายกับคุณบุญเลื่อง ซึ่งจันทราบดีว่าบุตรในครรภ์ของคุณแก้วกำเนิดจากคุณขจรพี่น้องต่างมารดาของเธอเอง จนกระทั่งเธอคลอดบุตรออกมามีอาการพิการทางสมองจากสายเลือดเดียวกัน โดยคุณแก้วประณามบุตรของเธอว่า“เด็กอัปปรีย์” จันจึงตั้งชื่อลูกว่า “ด.ช.ปรีย์ ดารา”

ภายหลังจันได้รับรู้ถึงความวิปริตผิดเพศของคุณแก้วเพราะเธอมีจิตพิศวาสกับผู้หญิงด้วยกัน และมีความสัมพันธ์สวาทกับคุณบุญเลื่องเหมือนเขา ที่ผ่านมาเธอได้มีความสัมพันธ์กับคุณขจรจนตั้งครรภ์นั้น เหตุเพราะต้องการประชดบิดา ด้วยความหึงหวงคุณบุญเลื่องนั่นเอง

เหตุการณ์นั้นทำให้จันมิอาจทำใจ จนกระทั่งคุณแก้วมาข้อตกลงแบ่งปันคุณบุญเลื่องกับเขา ซึ่งจันได้ขอข้อแลกเปลี่ยนคือให้คุณแก้วอุ้มท้องลูกให้เขา คุณแก้วไม่ยินยอมแต่จันก็ใช้วิธีบังคับขืนใจอยู่หลายครั้งจนคุณแก้วตั้งครรภ์และคลอดบุตรออกมาอย่างไร้ชีวิตจากการกระทำของเธอ

จันดำเนินชีวิตตามเส้นทางเดิมของคุณหลวงฯ คือมีสัมพันธ์สวาทกับคุณบุญเลื่อง และผู้หญิงแทบทุกคนในบ้าน จนกระทั่งวันหนึ่งคุณหลวงฯ ล่วงรู้ความจริงเกี่ยวกับคุณบุญเลื่อง จึงตกใจจนถึงกับเป็นลมและป่วยเป็นอัมพาตทั้งตัว ซึ่งก็มิได้ทำให้จันรู้สึกผิดแต่อย่างไร

เวลาผ่านไปหลายปี ความวิปริตผิดเพศของคุณแก้วรุนแรงขึ้น ถึงขั้นยอมตัดผมสั้นกุด และแต่งตัวแบบผู้ชาย อีกทั้งย้ายออกจากเรือนของคุณบุญเลื่อง แยกมาอาศัยในเรือนอีกหลัง เพื่อคัดสรรหญิงสาวในความอุปถัมถ์ของที่บ้านไปปรนิบัติรับใช้สนองตัณหาอารมณ์ของเธอ

จันดำรงชีพอยู่ในบ้านของมารดาหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้าน โดยมีรายได้จากผลประโยชน์ของมรดกที่คุณตาญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายพิจิตรทำพินัยกรรมไว้ให้ อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลมรดกของ นายปรีย์ดารา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุตรของเขา จากพินัยกรรมของคุณหลวงซึ่งได้ทำไว้ก่อนเป็นอัมพาต ส่วนน้าวาดที่เปรียบดั่งมารดาของเขาออกจากบ้านไปบวชชีอยู่ที่นครสวรรค์ตลอดชีวิต

ชีวิตในปัจจุบันของ นายจัน ดารา กำลังผจญกับปัญหาเสื่อมสมรทางเพศด้วยวัยเพียง 40 ปี และต้องรับผิดชอบดูแล เรื่องราวของนิยายเรื่องนี้ จึงเป็นบันทึกของ นายจัน ดารา ซึ่งเขียนบอกเล่าประวัติของตนเอง โดยคำแนะนำของแพทย์ เพื่อรักษาอาการเสื่อมสมรทางเพศก่อนวัยของเขา ซึ่งจันทราบดีว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นผลกรรมจากการกระทำของเขาเอง




บทวิเคราะห์

ความต้องการประการหลักที่ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ ด้วยข้อสงสัยที่ว่า นิยายอีโรติกชื่อดังที่กำลังจัดสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่ในขณะนี้นั้น มีลักษณะการบรรยายบทรักต่างจากนักเขียนสมัยใหม่ โดยเฉพาะนักเขียนแนวอีโรติกในเวปบอร์ดต่างๆ อย่างไร

ความรู้สึกภายหลังอ่านจบ เจ้าของบล็อกพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า นิยาย เรื่องของ จัน ดารา นี้เป็นมรดกอันล้ำค่าทางวรรณศิลป์ อันยากจะหาได้ใน การใช้ภาษาและสำนวนค่อนข้างย้อนยุคไปเมื่อ 50-70 ปีก่อน ถึงขนาดเจ้าของบล็อกต้องขีดเน้นคำที่ไม่เข้าใจความหมายไว้ เพื่อไปค้นหาความหมายในพจานุกรม

เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับนักอ่านที่นิยมอ่านเอาความ หรือชอบเนื้อหาที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพราะลักษณะการดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเนิบๆ มีการบอกเล่าเหตุการณ์สลับช่วงเวลากันไปมา อีกทั้งบางเหตุการณ์ยังไม่มีส่วนสำคัญต่อเนื้อเรื่อง ทว่ามีส่วนอย่างยิ่งที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าซึ้งถึงจิตใจของตัวละคร จัน ดารา ได้อย่างน่าอัศจรรย์ บทสนทนาระหว่างตัวละครมีน้อย ภาษาสวยงามและค่อนข้างเก่าแก่สำหรับเจ้าของบล็อก มีการเล่นคำและใช้สำนวนเปรียบเทียบอุปมาอุปไมยได้อย่างวิจิตร โดยเฉพาะบทรัก ซึ่งท่านได้บรรยายไว้ได้อย่างละเมียดละไม

จุดนี้เจ้าของบล็อกได้ค้นพบว่า การบรรยายบทรักของท่านแตกต่างจากนักเขียนรุ่นใหม่อย่างมาก เนื้อหาของการบรรยายเน้นพรรณนาความงดงามในสรีระของสตรีเพศ บรรยากาศในฉากนั้น ๆ หลีกเลี่ยงที่จะบรรยายลีลาการร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา หากมีความจำเป็นต้องบรรยายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านจะใช้วิธีรอุปมาอุปไมยแทนการบอกเล่าตรงๆ เช่น “ในขณะที่ราวกับผมกำลังโล้เรือไหหลำเป็นที่บันเทิงอยู่นั้นเอง”

จุดเด่นของเนื้อหา คือตัวละครแทบทุกคนหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ตัณหาราคะ จันดำเนินชีวิตตามอย่างคุณหลวงฯบิดาในวัยเด็กของเขาเป็นไปตามหลักจิตวิทยา ที่ว่าจิตใต้สำนึกของคนเราจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ช่วงปฐมวัย เด็กจะซึมซับสิ่งที่เรียนรู้มาในช่วงหกปีแรกของชีวิต กลายมาเป็นพฤติกรรมและลักษณะนิสัยเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ทว่า สิ่งที่เจ้าของบล็อกไม่ใคร่จะเห็นด้วยกับเนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ คือการตีแผ่เอาด้านมืดของจิตใจมนุษย์ออกมาเสียหมดเปลือก แม้เราจะมิอาจปฏิเสธได้ว่า จิตใจของคนเราย่อมมีด้านมืดแอบแฝง หากด้านมืดนั้นก็ควรถูกผลักดันให้อยู่ในก้นบึ้งที่สุด แล้วทับถมด้วยจิตสำนึกของความดีงาม คุณธรรมมโนธรรม เติมเต็มไปเรื่อย ๆ เปรียบดั่งน้ำขุ่นที่อยู่ก้นแก้ว แล้วถูกเติมเต็มด้วยน้ำใสสะอาดลงไปทุกวัน จนกระทั่งน้ำแก้วนั้นใสบริสุทธิ์

เจ้าของบล็อกสัมผัสได้ถึงความสำคัญของหน้าตาทางสังคมและศักดิ์ศรีของคนในสมัยนั้น ว่ามีความสำคัญมากกว่าชีวิตของเขา ถึงขั้นยอมสละทรัพย์สินทั้งหมด จ้างผู้ชาย (เลว ๆ) มาแต่งงานกับหลานสาวด้วย เพื่อรองรับเด็กในครรภ์ของฝ่ายหญิงที่กำลังถือกำเนิดขึ้นมา

อีกจุดหนึ่งที่เจ้าของบล็อกแอบสงสัย ด้วยว่าจันเป็นลูกตามกฎหมายของคุณหลวงฯ เขาจึงไม่น่าจะแต่งงานกับคุณแก้วอย่างถูกต้องได้ และแขกที่มาในงานแต่งงานจะคิดอย่างไร ในเมื่อตั้งแต่วัยเด็กจันเป็นบุตรของเขามาตลอด อีกทั้งทะเบียนราษฎร์ของไทยจะสามารถให้แก้ไขชื่อบิดาเป็นอื่นได้เหรอคะ (จันไม่ทราบด้วยว่าบิดาแท้ ๆ ของเขาเป็นใคร) เพื่อนนักอ่านท่านใดทราบคำตอบ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ


ตัวละครสำคัญ

จัน ตามที่เกริ่นไว้ จันดำเนินชีวิตอยู่กับการหมกมุ่นในโลกีย์กาม เจริญรอยตามเส้นทางของคุณหลวงฯ และประสบการณ์ชีวิตช่วงวัยเยาว์ของเขา มีความรักจากน้าวาดที่เปรียบดั่งมารดาแท้ ๆของเขา และความรักแรกจากไฮซินธ์ล่อเลี้ยงจิตใจ หากยังมิอาจเติมเต็มความรู้สึกขาดความรักจากมารดา จนทำให้เขาไขว่คว้าต้องการมีสัมพันธ์สวาทกับคุณบุญเลื่อง แต่ก็ด้วยความรักอันเป็นพื้นฐานของจิตใจและความเครียดแค้นที่ถูกทารุณในวัยเด็ก ทำให้จิตใจของเขามีทั้งความเคืองแค้นอาฆาตและคุณธรรมปะปนกันอยู่

ฉากสำคัญฉากหนึ่งที่เจ้าของบล็อกรู้สึกเคลือบแคลงเป็นอย่างมาก คือฉากจันต้องการดูดเต้านมของน้าวาด ด้วยอารมณ์โหยหาความรักจากมารดา แต่เขากลับสำเร็จความใคร่ด้วยการหลั่งน้ำกามเป็นครั้งแรกในครานั้นเอง สรุปว่าเขาต้องการความรักจากแม่ หรือมีอารมณ์ทางเพศกันแน่ จุดนี้เพื่อนนักอ่านท่านใดมีความเห็น ช่วยแนะนำเจ้าของบล็อกด้วยค่ะ

คุณหลวงวิสนันท์เดชา เป็นตัวร้ายที่สุดของเรื่อง การดำเนินเรื่องผ่านการบอกเล่าของจันซึ่งอ่อนวัยกว่าหลายสิบปี ทำให้คนอ่านไม่ทราบถึงสาเหตุของอุปนิสัยชั่วร้ายของตัวละคร

คุณหลวงฯ สามารถใช้ความร่ำรวยที่ได้มาจากดารา มีภรรยาและอนุภรรยาอีกซักกี่คนก็ได้ เขาไม่จำเป็นต้องอ้างความรักที่มีต่อดารา หญิงสาวที่เพิ่งรู้จักและผ่านการถูกข่มขืนมา เพื่อหาหนทางมั่วสุมทางเพศกับเด็กในการอุปการะแทน จากเนื้อหาในเรื่อง เหตุของพฤติกรรมจุดนี้ค่อนข้างอ่อน หรือว่าเจ้าของบล็อกตีโจทย์ไม่แตกก็ไม่รู้ เพื่อนนักอ่านช่วยแนะนำด้วยนะคะ

คุณบุญเลื่อง เจ้าของบล็อกคิดว่าเธอเป็นบุคคลที่มีความต้องการทางเพศสูง จนบดบังจิตสำนึกและมโนธรรมในจิตใจไปจนหมดสิ้น เนื้อหาที่บรรยายลักษณะการแต่งตัวของเธอ ไม่สวมเสื้อชั้นในหรือใส่กางเกงขาสั้นนั้น ค่อนข้างบ่งบอกถึงอุปนิสัยในส่วนนี้ การที่เธอต้องการให้จันใช้น้ำแข็งถูหลังให้ แท้จริงแล้วมีเจตนายั่วยวนเขา เพื่อสนองความต้องการของตนเอง โดยที่เธอแอบสัมผัสกับอารมณ์ของเขาได้ในช่วงที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดด้วยกัน โดยไม่ละอายแก่ใจ ทั้งที่จันอยู่ในวัยอ่อนกว่าลูกชายของตนเอง อีกทั้งยังบอกเขาอย่างไม่ละอายเสียอีกว่า ถ้าจันไม่ช่วยเธอ เธอคงเลิกรากับคุณหลวง(ไปมีสามีใหม่) แล้ว

ข้อเสียส่วนนี้ของคุณบุญเลื่อง บดบังความดีงามของเธอตลอดทั้งเรื่องของเธอ

น้าวาด ถือว่าเป็นคนเดียวในตัวละครเด่นที่มีมโนธรรมในจิตใจสูงสุด ความรู้สึกผิดที่เธอเคยไปคบหากับจอม แต่เขากลับนอกใจเธอไปฉุดพร่าดารา จนเป็นเหตุให้จันต้องเกิดมา ซึ่งก็มิใช่ความผิดของเธอ แต่เธอกลับยอมเสียสละตัวเองตกเป็นภรรยาอีกคนของคุณหลวงฯ เพื่อให้ได้มีโอกาสเลี้ยงดูจัน ถ่ายโทษให้กับจอม ช่วงท้ายเรื่องเธอลาจากชีวิตปุถุชนสู่ความสงบด้วยการบวชชี นับเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญที่สุดของเรื่องนี้


คุณแก้ว เจ้าของบล็อกไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับการรักร่วมเพศเอาเสียเลย เข้าใจว่าคุณแก้วคงซึมซับพฤติกรรมของบิดา รู้สึกชื่นชมฝังใจจนต้องการจะแทนที่พ่อเสียเอง จากเนื้อหาบอกให้รู้ว่าเธอมีจิตวิปริตรักเพศเดียวกันตั้งแต่วัยเด็ก คืออาการไม่พอใจที่สายสร้อยบ่าวคนสนิทของเธอตั้งครรภ์ จนกระทั่งเธออาจหาญมาขอมีสัมพันธ์รักร่วมเพศกับคุณบุญเลื่อง

1 ความคิดเห็น: